หายนะ ของคน “ติดยาแก้แพ้” อาจรุนแรงถึงขั้นทำลายระบบประสาทได้
ปฏิกิริยา “ติดยาแก้แพ้” ที่รุนแรงที่สุด อาจรุนแรงถึงขั้นทำลายระบบประสาทได้
อุทาหรณ์จากประสบการณ์จริงของ พี่นัน (นามสมมติ) วัย 37 ปี ที่มีอาการภูมิแพ้เรื้อรังมานาน แล้วนอนไม่ค่อยหลับ จึงเริ่มทานยาแก้แพ้จากครึ่งเม็ดเป็น 3 เม็ดโดยไม่รู้ตัว…
.
เคยไหม? เป็นภูมิแพ้เวลานอนค่อนข้างหลับยาก เป็นผื่นคัน คัดจมูก น้ำมูกไหล จมูกตันอยู่ตลอด ถ้าวันไหนไม่ได้กินยาแก้แพ้จะนอนไม่หลับเลย
.
.
# นี่เป็นจุดเริ่มต้นอันน่าสยองของพี่นันค่ะ #
.
.
ตั้งแต่คุณแม่ของพี่นันจากไปด้วยโรคมะเร็งร้ายที่ปอด ล่วงเลยมาเกือบปีแล้ว ความเศร้าโศกยังไม่จางหาย เพราะนับแต่จำความได้ คนในครอบครัวก็มีเพียงแม่เท่านั้น จนกระทั่งเรียนจบ
.
เธอตัดสินใจเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ แม่ของเธอจึงต้องอยู่คนเดียวที่ต่างจังหวัด พร้อมด้วยเนื้อร้ายที่ก่อตัวขึ้นในปอด เพียง 6 เดือนหลังจากทราบข่าวร้าย แม่ก็จากเธอไป
.
พี่นันไม่วายโทษตัวเองว่าเป็นเพราะการทำงานอย่างหนักทำให้เธอไม่มีเวลากลับไปดูแลแม่ ความเศร้าโศกนั้นก่อตัวเป็นความเครียด ส่งผลให้เธอไม่เคยนอนหลับสนิทแม้สักคืน
.
จนวันหนึ่งอาการภูมิแพ้กำเริบเล่นงานจนเพียบหนัก เธอจึงต้องกินยาแก้โรคภูมิแพ้ หรือที่คนทั่วไปเรียก “ยาแก้แพ้” เพื่อบรรเทาอาการ ด้วยฤทธิ์ยาบวกกับร่างกายที่ ต้องการพักผ่อน
.
ทำให้คืนนั้นเธอหลับสนิทตั้งแต่หัวค่ำจนเช้า พอตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกได้ถึงความสุขจากการนอนหลับเต็มอิ่ม โดยหารู้ไม่ว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่นำเธอสู่ประสบการณ์ฝันร้ายไม่มีวันลืม
.
.
# เมื่อยาแก้แพ้เป็นดั่งอัศวินขี่ม้าขาวที่ช่วยให้พี่นันนอนหลับสนิทในแบบที่เธอโหยหา #
.
.
เธอจึงกินยาแก้แพ้ทุกคืนไม่เคยขาด และเพิ่มปริมาณยาขึ้นเรื่อยๆจากครึ่งเม็ดกลายเป็น 3 เม็ดโดยไม่รู้ตัว
และแล้วเช้าวันหนึ่ง พี่นันตื่นมาพร้อมอาการมึนศีรษะ ลืมตาไม่ขึ้น เธอพยายามจะยืนทรงตัวให้ได้ แต ่อาการเวียนศีรษะ และฤทธิ์ยาพานทำให้อ่อนแรงและทรุดลงนั่งบนเตียงนอนอีก
.
.
# วินาทีนั้นเธอรู้ได้ทันทีถึงความผิดปกติของร่างกายที่มาจากการกินยาแก้แพ้เกินขนาดนั่นเอง #
.
.
เพื่อทำให้พี่นันตระหนักถึงอันตรายของยาแก้แพ้ ผู้เขียนจึงสอบถามแพทย์หญิงสุรางค์เพิ่มเติมถึงผลเสียของการติดยาแก้แพ้
.
“ยารักษาโรคภูมิแพ้หรือยาแก้แพ้ที่คุณนันทวรรณใช้เป็นประจำ จัดเป็นยากลุ่มแอนติฮิสตามีน (Antihistamine) ซึ่ง
สามารถรักษาอาการโรคภูมิแพ้ได้ดี แต่ก็มีผลข้างเคียงของยา ทำให้ง่วงซึม
.
จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยหลายคนที่แม้ว่าจะหายจากอาการภูมิแพ้แล้ว แต่ยังมีอาการนอนไม่หลับ มักจะกินยาชนิดนี้ต่อไปเพื่อเยียวยาอาการนอนไม่หลับ ซึ่งเป็นการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์
.
.
# ยาแก้โรคภูมิแพ้นี้หากกินติดต่อกันเป็นประจำจะส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ง่วงซึมตลอดวัน #
.
.
สมองไม่ปลอดโปร่ง คิดช้า ตัดสินใจช้า กระวนกระวาย วิงเวียนศีรษะ และมึนงง โดยเฉพาะตอนตื่นนอน
.
ผู้ที่ต้องทำงานกับเครื่องจักรหรือต้องขับรถ หากกินยาแก้แพ้อาจทำให้ง่วง เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
.
“ดังนั้น เมื่ออาการโรคภูมิแพ้ทุเลาแล้ว ควรหยุดกินยาทันที หากยังคงนอนไม ่หลับติดต่อกันเกิน 1 สัปดาห์ ควรหาวิธีรักษาอาการนอนไม่หลับนั้นอย่างถูกวิธี”
.
.
ที่มา : ชีวจิต
.
————————————–
.
บทสรุปของคนที่ทานยาแก้แพ้ (เม็ดสีเหลืองอย่างต่อเนื่อง)
.
1. จะทำให้ติดยา ดื้อยา เวลาไม่กินจะนอนไม่หลับ
2. จะทำให้มึนศรีษะ ลืมตาไม่ขึ้น กระวนกระวาย มึนงง
3. จะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ง่วงซึมตลอดวัน สมองไม่ปลอดโปร่ง คิดช้า ตัดสินใจช้า
.
เพราะฉะนั้นแล้วไม่ควรทานบ่อยๆเป็นประจำนะคะ
.
สำหรับใครที่เป็น ภูมิแพ้ คัดจมูก น้ำมูกไหล จมูกตัน หายใจไม่ค่อยออก นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท ต้องพึ่งยาแก้แพ้ตลอด แนะนำ อาหารเสริม Balance Ucore เลยค่ะ
.
สกัดจากสมุนไพรล้วน ทานต่อเนื่องไม่มีผลข้างเคียงแน่นอน ไม่ทำให้ง่วงซึมด้วย ช่วยแก้อาการภูมิแพ้ และนอนไม่ค่อยหลับได้ดีมากเลยค่ะ
.
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมกดที่ปุ่มด้านล่างเลยนะคะ